ใครบอกเกี๊ยวซ่ามีแต่ที่เอเชีย ยุโรปก็มีเกี๊ยวซ่านะ
อาหารง่ายๆอย่างแป้งห่อไส้ ซึ่งพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปได้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและรสนิยมในการกินของแต่ละท้องที่ หากเราจะกล่าวว่าเจ้าเกี๊ยวตัวเล็กนั้นไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงความนิยมที่มีในตัวมัน หากยังบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา และประวัติของพื้นที่นั้นๆก็คงจะไม่ผิดเพี้ยนไปนัก
1. เกี๊ยวในแถบเอเชียตะวันออกไกล (เอเชียตะวันออก)
รูปแบบของเกี๊ยวซ่าในแบบฉบับของแต่ละประเทศ มักจะมีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆซ่อนอยู่ ซึ่งบ่งบอกถึงภูมิปัญญาและรสนิยมท้องถิ่นได้ดีทีเดียว
เริ่มต้นกันที่ประเทศเกาหลี
พวกเขาเรียกอาหารจำพวกเกี๊ยวว่า มานดู สิ่งที่แตกต่างนั้นมีทั้งไส้ที่ใส่และรูปแบบการปั้น ชาวเกาหลีมักจะทำเป็นก้อนกลมคล้ายๆซาลาเปาลูกเล็กๆ และแน่นอน เมื่อพูดถึงเกาหลีคงขาดสิ่งนี้ไม่ได้ มานดูนั้นยัดไส้กิมจิและมักจะนำไปทอดไฟอ่อนๆเพื่อกินกับเหล้า
ทางฝั่งเชื้อสายนักรบบนหลังม้าอย่างมองโกเลีย
ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ รายได้หลักของประเทศคือปศุสัตว์ วัตถุดิบที่ใช้ทำนั้นจึงเต็มไปด้วยเนื้อแกะ เนื้อม้าและลูกวัว หรือก็คือสัตว์ในฟาร์มนั่นเอง พวกเขาเรียกเกี๊ยวว่า บุซ มักจะปั้นแบบเผยอหัวเล็กน้อยไม่ปิดสนิท นิยมทั้งแบบทอดและนึ่ง ข้อดีของการปั้นแบบนี้ก็คือพวกเขาจะสามารถเก็บไว้เป็นเสบียงไว้ได้เมื่อหน้าหนาวมาเยือนทุ่งหญ้าอันแสนเวิ้งว้าง
สำหรับเจ้าตำรับอย่างชาวจีนนั้น
พวกเขาจะนำเกี๊ยวไปต้มและรับประทานเป็นซุบแทน นอกจากนี้ ในวาระสำคัญต่างๆ ชาวจีนจะใส่ไส้มงคงเพื่อสื่อความหมายดีๆ เช่น ถั่วเพื่ออายุยืนในวันปีใหม่ หรือน้ำผึ้งในงานแต่งเพื่อชีวิตคู่ที่หอมหวาน
2. เกี๊ยวในแบบของชาวยุโรป
นอกจากกลุ่มประเทศในแถบตะวันออกไกลซึ่งนับได้ว่าเป็นเครือญาติกันกับจีน ก็ยังมีประเทศในแถบยุโรปใต้และบอลติกซึ่งมีกรรมวิธีการปรุงอาหารคล้ายๆเกี๊ยวอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงแม้จะมีเครื่องปรุงและการปรุงแตกต่างออกไปมาก แต่ลักษณะอาหารที่เป็นแผ่นแป้งห่อยัดไส้เนื้อสัตว์ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีรากฐานมากจากจุดเดียวกัน
ราวิโอลี่ของอิตาเลียน
ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพาสต้า หน้าตาและการทำกลับละม้ายเกี๊ยวอย่างช่วยไม่ได้ จุดเด่นของราวิโอลี่คือแป้งซึ่งผสมไข่ ปั้นเป็นก้อนและคลี่ออก ก่อนจะจับเป็นจีบเหมือนกับเกี๊ยว ไส้ที่นิยมใช้เป็นหลักคือชีสนมแพะ (แต่ชาวอิตาเลี่ยนบอกว่าชอบอะไรก็ใส่ไปเถอะ) อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างในการกินของอาหารชนิดนี้ก็คือ ชาวอิตาเลี่ยนจะราดซอสรากูซึ่งมีส่วนผสมของเนื้อสับและมะเขือเทศเคี่ยวจนกลายเป็นลูกผสมก้ำกึ่งระหว่างซุปและซอส
เปลมินี่ของรัสเซียและเปโรกิของโปแลนด์
สำหรับประเทศพี่ใหญ่ทางตอนเหนือของจีนแบบนี้ ถ้าไม่มีอาหารที่หน้าตาใกล้เคียงกันซักหน่อยก็คงจะเป็นเรื่องแปลก ชาวหมีขาวมีอาหารที่ทำจากแป้งปั่นใส่ไส้เช่นกัน โดยพวกเขาเรียกมันว่า เปลเมนี่ (Pelmeni) ซึ่งก็คืออันเดียวกันกับเกี๊ยวของชาวโปแลนด์ที่เรียกว่า เปโรกิ (Perogi) เวลาเสิร์ฟ ชาวรัสเซียนและโปลิชจะผัดให้สีเหลืองนวลก่อนจะกินคู่กับซาวครีมที่โรยต้นหอมไว้ด้วย
3. เกี๊ยวซ่าในวัฒนธรรมอื่นๆทั่วโลก
นอกจากนี้แล้ว ยังมีอาหารที่มีการปรุงคล้ายๆกันอย่างไม่น่าเชื่อ และถึงแม้ว่าคงบอกไม่ได้แน่นอนว่าพวกมันจะมีอิทธิพลหรือไม่ และอาจเป็นประเด็นให้ถกเถียงได้ไม่รู้จบ
สแกนดิเนเวีย
ชาวนอร์สเรียกอาหารที่ประกอบขึ้นจากการมันฝรั่งบดผสมกับเนื้อสัตว์สับและปรุงรสว่าครอปกาก้า (Kroppkaka) และ คุมเล (Kumle) จุดที่น่าสนใจก็คือมักจะปรุงโดยการต้มและมักใช้เนื้อเค็มเป็นวัตถุดิบหลัก และที่น่าสนใจก็คือจะกินเคียงแยมลิงโกเบอรี่ซึ่งเป็นผลไม้ป่าชนิดหนึ่งที่ขึ้นได้ในภูมิประเทศแบบสแกนดิเนเวียเท่านั้น กินอาหารคาวคู่กับแยม สำหรับคนไทยเรา ฟังดูแปลกพิลึกนะครับ
ยุโรปกลางและตะวันออก
ชาวยุโรปภาคพื้นทวีปเรียกอาหารบดละเอียดแล้วห่อแป้งว่า คนอร์เดล (Knödel) จุดที่น่าสนใจก็คือถึงแม้จะมีจุดกำเนิดคล้ายๆกัน เจ้าคนอร์เดลกลับมีหน้าตาไม่เหมือนกันเลย แม้แต่ในกลุ่มประเทศที่ใกล้เคียงกันอย่าง เช็ค บัลแกเรีย หรือฮังการี เพราะมีทั้งแบบที่ปั้นเสร็จแล้วต้มใส่ซุป หรือผึ่งแดดให้แห้งสนิทแล้วทอดกรอบ มีกระทั่งปั้นเสร็จแล้วเคี่ยวให้เป็นซอสด้วย เรียกว่าแล้วแต่ฝีมือและปากใครปากมันจริงๆ
อเมริกาใต้
น่าแปลกใจจริงๆที่อาหารซึ่งมีวิธีการทำอันเป็นเอกลักษณ์จะเดินทางไปได้ไกลแสนไกลจนถึงอีกซีกโลกอย่างอเมริกาใต้ได้ อาจจะยิ่งน่าตะลึงกว่าเดิมถ้าผมจะบอกว่าสำหรับเจ้าเอมพานาด้า (Empanada) ของชาวละตินอเมริกานั้นหน้าตาละม้ายคล้ายกับเกี๊ยวซ่าที่เราคุ้นๆกันมากกว่าของชาวยุโรปเสียอีก สันนิษฐานว่าอาหารจานนี้ถูกนำมาเผยแพร่เมื่อครั้งจักรวรรดิสเปนยังเรืองอำนาจในดินแดนแถบนี้ ข้อแตกต่างสำหรับอาหารจานนี้ก็คือชาวอเมริกาใต้จะรับประทานคู่กับซัลซ่ามะเขือเทศและโรยด้วยพริกปาปริก้ารสจัดด้วยนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเกี๊ยวในรูปแบบของประเทศต่างๆ ชอบแบบไหนก็ลองไปหารับประทานกันได้ แต่ถ้าใครเป็นแฟน เกี๊ยวซ่า แบบญี่ปุ่น ซึ่งจะประกอบด้วยไส้ที่ปรุงรสจนเข้ากันอย่างหมูสับ กระเทียม หอมญี่ปุ่นซอยละเอียด จิ้มกินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ ถ้าอ่านแล้วอยากกินเกี๊ยวซ่าแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องบอกว่าอย่าลืมแวะมาที่โอซาก้า โอโชนะครับ
พบกับเราได้สองสาขาทั้งที่
ซอย ทองหล่อ อาคาร The fifty fifth plaza 02 381 0701
ซอย ธนิยะ อาคาร ญาดา 02 237 8520